‘ลูกเต็มเวลา’ อาชีพมาแรงของคนรุ่นใหม่ในจีน เมื่อตลาดแรงงานโหดร้าย ขอกลายเป็นลูกจ้างของพ่อแม่ก็แล้วกัน!

  • ลูกเต็มเวลา (full-time children) คือกลุ่มคนรุ่นใหม่ในประเทศจีนที่มีอายุอยู่ในช่วงวัย 20 – 35 ปี หรือเป็นกลุ่มคนหนุ่มสาววัยทำงาน ที่กลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่ ดูแลความสะอาดเรียบร้อยภายในบ้าน เพื่อแลกกับค่าตอบแทนหรือเงินเดือนที่พ่อแม่จะจ่ายให้
  • การเติบโตของอาชีพลูกเต็มเวลา เกิดขึ้นจากคนจีนรุ่นใหม่ 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ด้วยกัน คือ 1) กลุ่มที่ทำงานหนักจนรู้สึกหมดไฟ และ 2) กลุ่มที่เพิ่งเรียนจบแต่หางานทำไม่ได้สักที
  • มากกว่า 1 ใน 5 ของคนรุ่นใหม่ที่อายุระหว่าง 16 – 24 ปี มีสถานะเป็น ‘คนว่างงาน’ ในประเทศจีน หรือคิดเป็น 21.3% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ทางการเริ่มเผยแพร่ข้อมูลตั้งแต่ปี 2018 แสดงให้เห็นปัญหาของตลาดแรงงานจีนที่ไม่ใหญ่เพียงพอจะรองรับคนจำนวนมหาศาล
  • ความรู้สึกสิ้นหวังของพวกเขาถูกสะท้อนผ่านเทรนด์การถ่ายรูปรับปริญญาของเหล่าบัณฑิตมหาวิทยาลัย ที่สวมใส่ชุดครุย แล้วนอนราบอย่างสิ้นหวังหรือแสดงท่าทางที่แสดงออกถึงความหมดหวังกับอนาคตอันใกล้ในตลาดแรงงาน เช่นเดียวกับอาชีพลูกเต็มเวลา และกระแส ‘lying flat’ ที่คนรุ่นใหม่หันมาใช้ชีวิตทำงานโดยปราศจากความกระตือรือร้น 
article_2024_14pic1
(เครดิตภาพ Getty Images)

ชีวิตประจำวันของจาง เจียอี้ (Zhang Jiayi) เริ่มต้นด้วยการออกไปเดินออกกำลังกายกับพ่อแม่ของเธอในยามเช้า จากนั้นไปซื้อสิ่งของเครื่องใช้และอาหารที่ตลาด เพื่อนำมาทำเป็นอาหารกลางวันสำหรับคนในครอบครัว ก่อนจะพักนอนกลางวันเอาแรงเสียหน่อย แล้วตื่นขึ้นมาทำงานบ้านต่อไป 

นี่คืออาชีพ ‘ลูกเต็มเวลา’ (full-time children) ที่กำลังเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ ในประเทศจีน และ “นายจ้าง” ที่จ่ายเงินเดือนให้ลูกจ้างในตำแหน่งลูกเต็มเวลาก็คือ “พ่อแม่” ที่หยิบยื่นเงินตรา อาหาร และที่พักให้กับลูกรัก ในโมงยามที่ตลาดแรงงานในประเทศกำลังเดินหน้าสู่ “ภาวะวิกฤต” และบีบคั้นชีวิตของคนจีนรุ่นใหม่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“ลูกเต็มเวลา” คืออะไร

ลูกเต็มเวลา (full-time children) คือกลุ่มคนรุ่นใหม่ในประเทศจีนที่มีอายุอยู่ในช่วงวัย 20 – 35 ปี หรือเป็นกลุ่มคนหนุ่มสาววัยทำงาน ที่ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม พวกเขากลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่ ดูแลความสะอาดเรียบร้อยภายในบ้าน เพื่อแลกกับค่าตอบแทนหรือเงินเดือนที่พ่อแม่จะจ่ายให้ แม้จะไม่มีตัวเลขที่แน่นอนของจำนวนคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาชีพลูกเต็มเวลา แต่เรื่องนี้ก็กลายเป็นประเด็นร้อนในสังคมออนไลน์ของประเทศจีน เมื่อมีคนติดแฮชแท็กที่ว่าด้วยการเป็นลูกเต็มเวลามากกว่า 40 ล้านครั้ง สะท้อนให้เห็น “ปรากฏการณ์บางอย่าง” ที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมจีน ณ ขณะนี้

เถียน ยี่นาน หญิงสาววัย 23 ปี บังเอิญเจอคลิปวิดีโอหนึ่งที่ถูกโพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นชีวิตประจำวันของหญิงสาวคนหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า ‘ลูกสาวเต็มเวลา’ (full-time daughter) ผู้อิ่มหนำไปกับชาบูหม่าล่าในช่วงเช้า อ่านหนังสือเล่มโปรดในช่วงบ่าย และดูโทรทัศน์อย่างผ่อนคลายในช่วงค่ำ เถียนรู้สึกอิจฉาวิถีชีวิตของลูกสาวเต็มเวลาคนนั้นเสียเหลือเกิน ขณะมองย้อนกลับมาถึงชีวิตการทำงานที่แสนวุ่นวายและเคร่งเครียดของตัวเอง เธอตัดสินใจถามแม่ตัวเองว่าเธอขอทำอาชีพลูกสาวเต็มเวลาบ้างได้ไหม ซึ่งแน่นอนว่าแม่ของเธอตอบ “ตกลง”

เทรนด์ลูกเต็มเวลากลายเป็นเทรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากคนจีน โดยเฉพาะในหมู่พ่อแม่ที่มีลูกในช่วงนโยบาย “ลูกคนเดียว” (one child policy) ที่ประกาศใช้ในระหว่างปี ค.ศ. 1979 – 2015 และภาวะสังคมสูงอายุที่กำลังคืบคลานเข้าสู่ประเทศจีนก็ทำให้พ่อแม่หลายคนที่ไม่มีปัญหาเรื่องการเงิน “ยอมจ่าย” ให้ลูกกลับมาอยู่บ้านเพื่อดูแลพวกเขา อย่างไรก็ตาม แม้เทรนด์ลูกเต็มเวลาดูจะเป็นทางออกที่ลงตัวสำหรับคนรุ่นใหม่และพ่อแม่ที่กำลังแก่เฒ่า แต่เทรนด์ดังกล่าวก็กำลังสร้างความกังวลให้กับคนจีนรุ่นใหม่เป็นอย่างมาก และสะท้อน “ปัญหาตลาดแรงงาน” ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในสังคมจีนอย่างมีนัยสำคัญ

article_2024_14pic2
(เครดิตภาพ Getty Images)

คนในอยากออกคนนอกอยากเข้า แต่เรากำลังจะตาย (กันหมด)

การเติบโตของอาชีพลูกเต็มเวลา เกิดขึ้นจากคนจีนรุ่นใหม่ 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ด้วยกัน คือ 1) กลุ่มที่ทำงานหนักจนรู้สึกหมดไฟ และ 2) กลุ่มที่เพิ่งเรียนจบแต่หางานทำไม่ได้สักที 

“996” คือชื่อเล่นของวัฒนธรรมการทำงานของสังคมจีนยุคใหม่ ที่เริ่มต้นทำงานกันตั้งแต่ 9 โมงเช้า ลากยาวไปจนถึง 3 ทุ่ม และทำงานสัปดาห์ละ 6 วัน ไร้การจ่ายเงินโอทีใด ๆ แต่พนักงานต้องทุ่มเทแรงกายและแรงใจให้กับบริษัท จนทำให้คนรุ่นใหม่ที่ทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศกินเงินเดือนทั้งหลาย ต่างรู้สึกหมดไฟในการทำงานกันเป็นทิวแถว

หนึ่งในนั้นคือ จูลี่ อดีตนักพัฒนาเกมวัย 29 ปี ที่ตัดสินใจลาออกจากงานที่แสนเหน็ดเหนื่อยจนจะกลายเป็น “ศพเดินได้” กลับมาอยู่บ้าน ล้างจานและทำกับข้าวให้พ่อแม่กิน เช่นเดียวกับเฉิน หญิงสาววัย 27 ปี ผู้ยอมหันหลังให้วงการอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นสาเหตุให้เธอรู้สึกหมดไฟและไร้คุณค่า แล้วย้ายกลับไปอยู่กับพ่อแม่ของเธอ เฉินเล่าว่าแม้จะใช้ชีวิตเหมือนคนวัยเกษียณ แต่ความกังวลต่ออนาคตของตัวเองก็กลายเป็นเงาที่ตามหลอกหลอนเธอไม่ห่าง จนเธอกลัวว่าตัวเองจะกลายเป็น “ปรสิต” เกาะกินพ่อแม่ของตัวเองตลอดไป 

ในขณะที่ฟากคนทำงานรู้สึกหมดไฟกับงานตรงหน้าจนต้องขอลาออกไปเป็นลูกเต็มเวลาของพ่อแม่ หนุ่มสาวชาวจีนโปรไฟล์ดีจากสถาบันการศึกษาชื่อดัง แต่ “ไม่สามารถหางานทำได้” ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาชีพลูกเต็มเวลากลายเป็นอาชีพสุดฮอตของคนรุ่นใหม่ในเมืองจีน

ตัวเลขล่าสุดจากทางการจีนระบุว่า มากกว่า 1 ใน 5 ของคนรุ่นใหม่ที่อายุระหว่าง 16 – 24 ปี มีสถานะเป็น “คนว่างงาน” ในประเทศจีน หรือคิดเป็น 21.3% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ทางการเริ่มเผยแพร่ข้อมูลตั้งแต่ปี 2018 แสดงให้เห็นปัญหาของตลาดแรงงานจีนที่ไม่ใหญ่เพียงพอจะรองรับคนจำนวนมหาศาล ยิ่งไปกว่านั้น ขณะที่ตัวเลขคนตกงานกำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ช่วงหน้าร้อนของปี 2023 ที่ผ่านมา ประเทศจีนก็มีเด็กจบใหม่ที่เดินหน้าเข้าสู่ตลาดแรงงานเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 11.6 ล้านคน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 และการประกาศใช้นโยบาย Zero-COVID ที่เข้มงวดตลอด 3 ปี ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานของประเทศจีน ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2021 ทางการจีนได้ออกประกาศกฎระเบียบต่อภาคธุรกิจในประเทศ เช่น ภาคอสังหาริมทรัพย์ บริษัทเทคขนาดใหญ่ การเงิน หรือการศึกษาภาคเอกชน (ติวเตอร์) เป็นต้น ซึ่งนำไปสู่ผลกระทบด้านการว่างงานของคนจีนรุ่นใหม่ เนื่องจากภาคธุรกิจเหล่านี้เป็นอาชีพยอดฮิตในหมู่คนรุ่นใหม่และมีอัตราการจ้างงานที่ใหญ่มาก 

ปริญญาคือใบเบิกทางสู่อนาคตที่ดีกว่า (จริงหรือ)

ในสังคมจีนมีความเชื่อว่า “ปริญญาคือใบเบิกทางสู่อนาคตที่ดีกว่า” จึงทำให้จากเดิมที่การเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาเป็นเรื่องของชนชั้นสูงเท่านั้น กลายเป็นโอกาสของทุกคนที่มีความพร้อมเพียงพอ โดยปัจจุบันนี้ อัตราการสมัครเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยของคนรุ่นใหม่ชาวจีน เพิ่มขึ้นจาก 30% ในปี 2012 เป็น 59.6% ในปี 2022 สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าชาวจีนในปัจจุบันเชื่อว่า ใบปริญญาจะเป็นใบเบิกทางในตลาดแรงงานที่มีอัตราการแข่งขันสูง

ทว่า เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 และการคุมเข้มภาคธุรกิจที่เป็นที่นิยมของคนรุ่นใหม่ ขณะที่นายจ้างก็ไม่อยากจ้างบัณฑิตที่ “ไม่มีประสบการณ์” แต่อัตราการสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งหมายถึงจำนวนคู่แข่งในตลาดแรงงานที่จะเพิ่มมากขึ้น ทั้งหมดทั้งมวลนี้กลายเป็นปัจจัยที่ทำให้ปริญญาไม่สามารถทำหน้าที่เป็นใบเบิกทางให้กับคนรุ่นใหม่ในประเทศจีนได้ทุกคน นั่นทำให้นักศึกษาจีนหลายคน “ตั้งใจ” สอบตก เพื่อยื้อเวลาให้ตัวเองได้อยู่ในฐานะนักศึกษาให้นานขึ้น ขณะที่บัณฑิตหลายคนก็ตัดสินใจหันมาทำอาชีพคนขับรถหรือพนักงานส่งของแทน

ปัญหาเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจและความรู้สึกของคนรุ่นใหม่ในจีนอย่างยิ่งยวด ความรู้สึกสิ้นหวังของพวกเขาถูกสะท้อนผ่านเทรนด์การถ่ายรูปรับปริญญาของเหล่าบัณฑิตมหาวิทยาลัย ที่สวมใส่ชุดครุย แล้วนอนราบอย่างสิ้นหวังหรือแสดงท่าทางที่แสดงออกถึงความหมดหวังกับอนาคตอันใกล้ในตลาดแรงงาน เช่นเดียวกับกระแส “lying flat” หรือ tang ping ที่คนรุ่นใหม่ในประเทศจีนตัดสินใจหยุดหรือถอยห่างจากการทุ่มเททำงานที่แสนยุ่ง และหันมาใช้ชีวิตทำงานโดยปราศจากความกระตือรือร้น ทำงานให้ผ่านไปวัน ๆ รอรับเงินเดือนก็เพียงพอ 

นั่นทำให้คนรุ่นใหม่ในประเทศจีนมากมายตัดสินใจเก็บกระเป๋ากลับบ้าน มารับงาน “ลูกเต็มเวลา” ที่มีนายจ้างเป็นพ่อแม่ของตัวเอง

โอกาสที่ซ่อนอยู่ในบ้านเกิด

แม้อาชีพลูกเต็มเวลาจะถูกมองว่าเป็นภาพสะท้อนของปัญหาตลาดแรงงานในจีนที่กำลังอยู่ในภาวะวิกฤต แต่ท่ามกลางความวิกฤต คนจีนรุ่นใหม่บางคนก็ค้นพบ “โอกาส” ที่ซ่อนตัวอยู่ในบ้านเกิดของพวกเขา และหนึ่งในนั้นคือ วิลล์ หวัง (Will Wang) ที่ค้นพบงานที่เขาชื่นชอบและเกี่ยวข้องกับการขจัดความยากจนและการฟื้นฟูชนบท ซึ่งเขาทำงานนี้มาได้เกือบ 6 ปีแล้ว

หวังเรียนจบปริญญาโทด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (New York University) ในสหรัฐอเมริกา ธุรกิจเพื่อสังคมที่หวังก่อตั้งขึ้นในเมืองหูหนาน มีชื่อว่า “Beyond the City” ซึ่งทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างชนบทและเมืองใหญ่ โดยการจัดทัศนศึกษาสำหรับเยาวชนจากสองพื้นที่ให้ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

อัตราของคนรุ่นใหม่ที่ตัดสินใจย้ายกลับบ้านเกิดในช่วงโควิด-19 มีมากถึง 10.1 ล้านคน โดยเหตุผลที่พวกเขาย้ายกลับบ้านเกิดในต่างจังหวัดหรือในพื้นที่ชนบท เป็นเพราะภาครัฐได้ทำการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ให้ดีขึ้น คนรุ่นใหม่สามาระเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต 5G ได้จากบ้านของพวกเขา ขณะเดียวกัน ความวุ่นวายในเมืองใหญ่ก็ทำให้คนรุ่นใหม่บางส่วนต้องการใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายและไม่เร่งรีบด้วยเช่นกัน 

นอกจากนี้ ค่าครองชีพในชนบทที่ถูกกว่าในเมืองใหญ่ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่เชิญชวนให้คนรุ่นใหม่กลับบ้าน อย่างไรก็ตาม หลายคนก็ยังเชื่อว่ามีเพียงไม่กี่เหตุผลที่คนรุ่นใหม่จะย้ายกลับบ้านเกิดหรือย้ายไปอยู่ชนบท นั่นคือพวกเขาไม่สามารถหางานทำในเมืองใหญ่ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเขาก็ต้องกลับไปพึ่งพาพ่อแม่ของพวกเขา หรือกลับไปเป็นลูกเต็มเวลานั่นเอง

ปรากฏการณ์ลูกเต็มเวลา รวมไปถึงกระแสอื่นๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศจีนตอนนี้ กำลังสะท้อนบรรยากาศความไม่มั่นคงในชีวิตของคนรุ่นใหม่และอนาคตที่ไม่แน่นอนของพวกเขา หวังได้เพียงว่าอาชีพลูกเต็มเวลาจะเป็นเพียงอาชีพชั่วคราวของหนุ่มสาวชาวจีนและรัฐบาลจีนจะเข้ามาแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง เพราะหากปล่อยเอาไว้ คงส่งผลกระทบกับระบบเศรษฐกิจชองประเทศจีนอย่างรุนแรง และหากประเทศที่เศรษฐกิจยิ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่รุนแรง ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันจะส่งผลกระทบกับประเทศอื่นเช่นเดียวกัน

บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

อ้างอิง

https://time.com/6284994/china-youth-unemployment-aging-demographics/

https://www.bbc.com/news/world-asia-china-66172192

https://www.bbc.com/news/business-60353916

https://www.channelnewsasia.com/cna-insider/full-time-child-reverse-migration-china-record-youth-unemployment-3693226

https://www.youtube.com/watch?v=qRv5g5MEF2k https://www.latimes.com/world-nation/story/2023-09-28/china-full-time-children

Categories

เรื่องที่คล้ายกัน

guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments