จากก้อนหิน ท่อนไม้ ลูกบอล ตุ๊กตา รถบังคับ หุ่นยนต์ มาจนถึงแท็บเล็ตในยุคปัจจุบัน จริง ๆ แล้วของเล่นเป็นสิ่งของอีกอย่างที่อยู่ใกล้ชิดกับมนุษย์ ตั้งแต่เรายังเด็ก ๆ ไปจนถึงเมื่อถึงวัยเป็นพ่อแม่หรือเป็นปู่ย่าตายาย แต่เมื่อนึกถึงของเล่น รวมถึงการเล่น เรามักจะคิดว่าเป็นเรื่องของเด็กหรือเป็นเรื่อง “เล่น ๆ” เท่านั้น ทั้งที่ของเล่นและการเล่นเป็นอีกสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อการเติบโตของมนุษย์ ทั้งในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ในฐานะชุมชน และในฐานะอารยธรรมหนึ่ง ๆ การย้อนกลับไปไล่เรียงวิวัฒนาการและความเปลี่ยนแปลงของของเล่นจึงสามารถนำเราย้อนกลับไปมองเห็นพัฒนาการของมนุษย์และสังคมในแต่ละยุคสมัยได้อย่างน่าสนใจ ที่สำคัญ จะช่วยทำให้เราคิดถึงเรื่องเล่น ๆ เหล่านี้อย่างจริงจัง เพื่อสร้างความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ให้กับสังคมที่ให้ความสำคัญกับเด็กและเยาวชนต่อไป
ความหมายของ “การเล่น” หรือ play มีการให้คำนิยามในเชิงวิทยาศาสตร์ว่าหมายถึง พฤติกรรม ซ้ำ ๆ และเพลิดเพลินที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอื่น นอกจากเพื่อการเล่นโดยตัวมันเอง ซึ่งอาจจะมีความคล้ายพฤติกรรมอื่น ๆ ของมนุษย์ แต่ไม่ได้เหมือนโดยสิ้นเชิง ขณะเดียวกันพฤติกรรมการเล่นดังกล่าวยังไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะมนุษย์ แต่นักวิทยาศาสตร์พบว่าสัตว์ต่าง ๆ อาทิ จระเข้ ลิง หมีแพนด้า หรือเต่าก็มีการเล่นในรูปแบบต่าง ๆ กัน พฤติกรรมการเล่นของพวกมันที่มักเป็นที่พบเห็นโดยผู้ดูแล เช่น จระเข้เล่นลูกบอลหรือพ่นน้ำเป็นฟองเล่นซ้ำ ๆ หรือพวกสัตว์ต่าง ๆ ก็มักจะเล่นหยอกล้อ ต่อสู้ ขณะที่การเล่นของมนุษย์ก็ไม่ได้ถูกจำกัดรูปแบบล่วงหน้า แต่จุดประสงค์สำคัญคือเป็นการทำซ้ำ ๆ เพื่อความสนุกสนานโดยไม่ได้มีเป้าหมายอื่น เช่น การทำสวนเพื่อความเพลิดเพลินด้วยความตั้งใจของตนเองอาจถือเป็น “การเล่น” แต่หากถูกสั่งให้ปลูกต้นไม้รดน้ำต้นไม้ หรือขุดหลุม 100 หลุม แม้จะเป็นการทำสวนเหมือนกัน แต่คงไม่นับเป็นการเล่นอีกต่อไป
ของเล่นยุคแรกเริ่ม : หิน ไม้ หรืออะไรก็ได้ที่หาได้ในธรรมชาติ
สำหรับมนุษย์ โดยพื้นฐานที่สุด การเล่นและของเล่นคือการส่งต่อความรู้และวัฒนธรรมผ่านการเลียนแบบและสั่งสอนวิธีการใช้ชีวิต การเอาตัวรอด และการอยู่ร่วมในสังคม ดังนั้น หากย้อนกลับไปในอดีต จะพบว่าของเล่นในยุคแรกเริ่มเป็นวัตถุต่าง ๆ ที่พบเจอได้ในธรรมชาติ เช่น แท่งไม้ ก้อนหิน กระดูก หรือการเอาสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มาเล่นร่วมกัน โดยการเลียนแบบพฤติกรรมต่าง ๆ ของผู้ใหญ่ เช่น การนำมาใช้เป็นอาวุธสำหรับล่าสัตว์ หรือทำอาหาร กล่าวได้ว่าของเล่นและการเล่นลักษณะนี้เป็นเหมือนการฝึกฝนและลอกเลียนวิธีการเอาตัวรอด รวมถึงการส่งต่อวัฒนธรรมต่าง ๆ ของแต่ละกลุ่มชน
ของเล่นในยุคแรกเริ่มที่มีการค้นพบ อาทิ ลูกบอลที่ปั้นจากดินเหนียวหรือสร้างจากหินอ่อน เช่น ลูกบอลหินอ่อนที่ขุดค้นพบในหลุมศพเด็กในประเทศอิยิปต์ ซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่า 3,000 – 4,000 ปีก่อนคริสตกาล ขณะที่ตุ๊กตาที่ทำจากหิน ดิน และไม้ก็พบในอิยิปต์ มีอายุประมาณ 2,500 ปีก่อนคริสตกาล ขณะที่ของเล่นเก่าแก่อีก 2 อย่างสำคัญ ได้แก่ โยโย่ ซึ่งเชื่อกันว่ามีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน เช่นเดียวกับว่าว ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อเป็นของเล่นตั้งแต่แรก แต่ถูกสร้างขึ้นเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือประมง รวมถึงใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารและขอความช่วยเหลือ โดยเฉพาะในการสงคราม แต่ได้กลายเป็นของเล่นในภายหลัง ซึ่งมีความเก่าแก่อย่างน้อย 1,000 ปีก่อนคริสตกาล
ของเล่นยุคกลาง-ยุคเรเนซองค์
ของเล่นยุคกลางมักจะเป็นของเล่นที่ทำจากไม้ โดยเริ่มมีวิวัฒนาการมากขึ้น ทั้งด้วยการพัฒนาวัตถุต่าง ๆ ที่นำมาใช้สร้างของเล่น รวมถึงวิธีการผลิตที่พัฒนามากขึ้น จนทำให้ของเล่นมีความซับซ้อนมากขึ้น เช่น หุ่นกองทัพทหาร ซึ่งนับเป็นหนึ่งในของเล่นที่ได้รับความนิยมในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาทหารที่ทำจากไม้ขนาดเล็ก อัศวิน หรือปราสาทที่นำมาเล่นด้วยกัน นอกจากนี้ การเล่นตุ๊กตาและของเล่นไม้ที่ทำเลียนแบบเป็นข้าวของเครื่องใช้เล็ก ๆ ในบ้านก็ยังได้รับความนิยม และเมื่อเข้าสู่ยุคเรเนซองค์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการฟื้นฟูภูมิปัญญา พบว่าของเล่นยังคงมีพัฒนาการที่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะการประดิษฐ์ของเล่นที่ซับซ้อนมากขึ้นด้วยการใช้กลไกนาฬิกาเพื่อขับเคลื่อนของเล่น จึงทำให้ของเล่นประเภทนี้มีราคาสูงและเป็นของเล่นของคนรวย นอกจากนี้ยังมีของเล่นประเภทบอร์ดเกมส์ เช่น หมากรุก เป็นต้น
ของเล่นยุคอุตสาหกรรม-สมัยใหม่
การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดการผลิตขนาดใหญ่ขึ้น ขณะเดียวกันการเกิดขึ้นของเครื่องยนต์ไอน้ำก็ทำให้การเดินทางเป็นไปได้สะดวกขึ้น นั่นไม่เพียงทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อชีวิตมนุษย์เท่านั้น แต่เรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติชีวิตของของเล่นเลยทีเดียว กระบวนการผลิตแบบอุตสาหกรรมทำให้สามารถผลิตเฟืองและกลไกต่าง ๆ ในราคาถูกและในขณะเดียวกันก็มีขนาดเล็กลงได้ในปริมาณมาก ๆ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นให้ของเล่นที่สามารถใช้กลไกขับเคลื่อนเกิดขึ้นอย่างจริงจัง เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของของเล่นอิเล็คทรอนิกส์และแบตเตอรีที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน
ในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 รถไฟของเล่นที่สามารถเลียนแบบการพ่นไอน้ำและเคลื่อนที่ได้จริงได้เกิดขึ้น และของเล่น “ชุดรถไฟ” ไม่เพียงขายรถไฟเท่านั้น แต่จากการเลียนแบบของเล่นชุดบ้านตุ๊กตาที่ขายทั้งตุ๊กตาและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ทำให้บริษัทผลิตรถไฟหันมาขายรางรถไฟและส่วนต่อขยายต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้ของเล่นชุดนี้จึงไม่เพียงเป็นที่นิยมในกลุ่มเด็ก ๆ แต่ยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในกลุ่มผู้ใหญ่ในฐานะของสะสมที่มีรายละเอียดสมจริงอีกด้วย
นอกจากนี้ ในช่วงศตวรรษที่ 20 ของเล่นคลาสสิกอย่างตุ๊กตาเด็กผู้หญิง สัตว์ และตุ๊กตาทหารก็ได้รับการพัฒนาทั้งในเชิงรูปลักษณ์และการผลิตปริมาณมากเพื่อขายในตลาดขนาดใหญ่ทั่วโลก เราจะพบว่ามีตุ๊กตาที่ได้รับความนิยมจากเด็ก ๆ และเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปมากขึ้น เช่น ตุ๊กตาบาร์บี ตุ๊กตาหมีเท็ดดี้แบร์ หรือตุ๊กตาทหารที่ทำจากเหล็กก็กลายเป็นสินค้าขายดีไปทั่วโลก ขณะเดียวกัน ในยุคนี้ก็เริ่มมีของเล่นที่ใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ มาพัฒนาให้น่าสนใจยิ่งขึ้น เช่น รถและหุ่นยนต์ที่ใช้รีโมทคอนโทรลบังคับ เกมส์อิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนของเล่นที่พ่วงมาพร้อมกับการ์ตูนหรือภาพยนตร์แฟนตาซีที่แพร่กระจายไปทั่วโลก เช่น ของเล่นจากการ์ตูนดิสนีย์ มาร์เวล หรือสตาร์ วอร์ ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นของเล่นชนิดที่เกิดใหม่
ขณะเดียวกันในปัจจุบัน ของเล่นของยังไม่หยุดวิวัฒนาการ ด้านหนึ่ง ของเล่นก็ได้ก้าวไปสู่โลกที่ไฮเทคมากขึ้นเช่น การใช้เทคโนโลยี virtual reality และ AI ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ของเล่นที่เกิดขึ้นผ่านแนวคิดทางการศึกษาทางเลือกและเสริมพัฒนาการก็เข้ามาอยู่ในความสนใจ เช่น ของเล่นมอนเตสเซอรี่ หรือของเล่นที่ทำจากวัสดุธรรมชาติต่าง ๆ ก็เข้ากับกระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในการสร้างเด็กและเยาวชนในอนาคตได้เป็นอย่างดี
บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
อ้างอิง
https://www.britannica.com/technology/toy
https://www.funtoyworld.com/history-of-toys/